วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2556

ทดสอบกลางภาคเรียน


คำชี้แจง ให้นักศึกษาอ่านแล้วตอบคำถามดังต่อไปนี้
 1. กฎหมายคืออะไร จงอธิบาย และการบังคับใช้กฎหมายจะต้องเป็นไปด้วยความเสมอภาคโดยไม่เลือกปฏิบัติหมายความว่าอย่างไร
           คือ กฏหรือข้อบังคับที่บัญญัติขึ้นเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการควบคุมพฤติกรรมหรือการกระทำของประชาชน พลเมืองในประเทศนั้น หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือละเมิดก็จะถูกลงโทษ
          ส่วนการบังคับใช้กฎหมายจะต้องเป็นไปด้วยความเสมอภาคโดยไม่เลือกปฏิบัติหมายความว่า
การบังคับใช้กฎหมายนั้นทุกคนที่อยู่ในประเทศภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรย์ทรงเป็นประมุขมีสิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกันทั้งประชาชน พลเรือน นักการเมือง หรือข้าราช ดังนั้นหากผู้ใดฝ่าฝืนก็จะต้องรับโทษตามกฎหมาย ไม่ใช่ว่าคนนี้เป็นผู้มีอำนาจมีอิทธิพลไม่สามารถบังคับใช้กำหมายนี้ได้
2. การที่กฎหมายกำหนดให้ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผูู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่น ทั้งของรัีฐ และเอกชน จะต้องมีใบประกอบวิชาชีพ ท่านเห็นด้วยหรือไม่เพราะอะไร จงให้เหตุผลประกอบ
           เห็นด้วยถ้าหากบุคคลเหล่านั้นได้ผ่านการฝึกอบรมและปฏิบัติการสอนมาแล้วเพื่อเป็นเครื่องมือยืนยันว่า ผู้บริหารสถานศึกษา ผูุ้บริหารการศึกษาและบุคลากรทางการศึกษามีความรู้ความสามารถและมีจรรยาบรรณวิชาชีพครูที่เหมาะสมจึงเห็นสมควรที่จะได้รับใบประกอบวิชาชีพเพื่อเป็นแนวทางไปสู่การทำงานที่ดีและมีคุณค่าทางสังคม
3. ท่านมีแนวทางในการระดมทุน และทรัพยากรเพื่อการศึกษาในท้องถิ่นของท่านอย่างไรบ้าง อธิบายยกตัวอย่าง
           ก่อนอื่นก็ต้องขอความร่วมมือจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกับชุมชนทุกฝ่าย เช่น ผู้ปกครอง  ชุมชน องค์กรชุมชน และสถานบันอื่นๆ ช่วยระดมทุนและทรัพยาการเพื่อการศึกษา อาทิ จัดงานการกุศลหารายได้เพื่อมอบเงินรายได้ให้กับโรงเรียนเพื่อใช้เป็นทุนในการจัดสรรทรัพยากรทางการศึกษาที่ทันสมัยและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
4รูปแบบการจัดการศึกษามีกี่รูปแบบอะไรบ้าง และการศึกษาในระบบมีกี่ระดับประกอบด้วยอะไรบ้าง
             การศึกษามี 3 รูปแบบ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
            การศึกษาในระบบมี 2 ระดับ คือ การศึกษาขั้นพื้นฐาน และการศึกษาระดับอุดมศึกษา
5. ท่านเข้าใจการศึกษาภาคบังคับและการศึกษาขั้นพื้นฐานเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร อธิบายยกตัวอย่างประกอบ
              การศึกษาภาคบังคับให้มีการศึกษาเก้าปีโดยให้เด็กซึ่งมีอายุย่างเข้าปีที่เจ็ดเข้าศึกษาเข้าศึกษาในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานจนอายุย่างเข้าปีที่สิบหก
           การศึกษาขั้นพื้นฐาน   จัดการศึกษาไม่น้อยกว่าสิบสองปีก่อนระดับอุดมศึกษา การแบ่งระดับและประเภทของการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
              แตกต่างกันที่การศึกษาภาคบังคับเด็กจะต้องเรียนจนจบชั้น ม.3 และต่อในการศึกษาขั้นพื้นฐานแต่การศึกษาขั้นพื้นฐานไม่ได้บังคับผู้เรียนจะเรียนต่อก็ได้
6. การแบ่งส่วนราชการในส่วนกลางของกระทรวงศึกษาธิการ ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2553 มีการแบ่งส่วนราชการเป็นอย่างไร และมีใครเป็นหัวหน้าส่วนราชการดังกล่าว อธิบายยกตัวอย่าง
           จัดให้มีการแบ่งส่วนราชการ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการดังต่อไปนี้
            1. สำนักงานรัฐมนตรี
            2. สำนักงานปลัดกระทรวง
            3. สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
            4. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
            5. สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา
            6. สำนักงานกรรมการอาชีวศึกษา
          "  โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา เป็นหัวหน้าส่วนราชการ"
7. จงบอกเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546
           เนื่องจากพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นแนวทางหรือกรอบการทำงานของบุคลากรทุกฝ่าย ซึ่งรวมทั้งการที่บุคลากรจะต้องยึดถือและปฏิบัติตรงกันในการรับใบประกอบวิชาชีพ
8.  ท่านเข้าใจหรือไม่ว่า ถ้ามีบุคลากรไปให้ความรู้หรือสอนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นครั้งคราว หรือไปสอนเป็นประจำ  หากพิจารณาจากพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 กระทำผิดตาม พรบ.นี้หรือไม่เพราะเหตุใด
           ไม่ได้กระทำผิดตาม พรบสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา 2546 เนื่องจากพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา 2546 มาตรา 43 บัญญัติไว้ว่า" ให้วิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษาเป็นวิชาชีพครูตามพระราชบัญญัตินี้ การกำหนดวิชาชีพควบคุมควบคุมอื่นให้เป็นไปตามกฎกำหนดในกระทรวงห้ามมิให้ผู้ใดประกอบวิชาชีพควบคุม โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่กรณีอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ 
    1. ผู้ที่เข้ามาให้ความรู้แก่ผู้เรียนในสถานศึกษาเป็นครั้งคราวในฐานะวิทยากรพิเศษทางการศึกษา
    2. ผู้ที่ไม่ได้ประกอบวิชาชีพหลักทางด้านการเรียนการสอนแต่ในบางครั้งต้องทำหน้าที่สอนด้วย
    3. นักเรียน นักศึกษา หรือผู้รับการฝึกอบรมหรือผู้ไดรับใบอนุญาตปฏิบัติการสอน ซึ่งทำการฝึกหัดหรืออบรมในการควบคุมของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ซึ่งเป็นผู้ให้การศึกษาหรือฝึกอบรม ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด ตามปกติ
 9. ท่านเข้าใจความหมายโทษทางวินัย สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา อย่างไร อธิบาย และโทษทางวินัยมีกี่สถาน อะไรบ้าง
             โทษทางวินัยตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มี 5 สถานคือ       
    ความผิดวินัยไม่ร้ายแรง
         1. ภาคทัณฑ์ เป็นโทษสำหรับกรณีกระทำผิดวินัยเล็กน้อย หรือมีเหตุอันควรลดหย่อน ซึ่งยังไม่ถึงกับจะต้องถูกลงโทษตัดเงินเดือนนอกจากนี้ ในกรณีกระทำความผิดวินัยเล็กน้อย และมีเหตุอันควรงดโทษ จะงดโทษให้โดยให้ทำทัณฑ์บนเป็นหนังสือหรือว่ากล่าวตักเตือนก็ได้
        2. ตัดเงินเดือน เป็นการลงโทษตัดเงินเดือนเป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนและเป็นจำนวนเดือน เช่น ตัดเงินเดือน 5% เป็นเวลา 2 เดือน เมื่อพ้นเวลา2 เดือนแล้วก็จะได้รับเงินเดือนตามปกติ
        3. ลดเงินเดือน เป็นการลงโทษโดยลดเงินเดือนเป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์เช่น ลดเงินเดือน 2% หรือ 4% ของอัตราเงินเดือนของผู้กระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
        4.ปลดออก เป็นการลงโทษให้พ้นจากราชการ โดยได้รับบำเหน็จบำนาญเสมือนผู้นั้นลาออกจากราชการ
        5. ไล่ออก เป็นการลงโทษให้พ้นจากราชการ โดยไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญ
10. ท่านเข้าใจคำว่า เด็ก  เด็กเร่ร่อน เด็กกำพร้า เด็กที่อยู่ในสภาพลำบาก เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด ทารุณกรรม ที่สอดคล้องกับ พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 อย่างไรจงอธิบาย ตามความเข้าของท่าน
        เด็ก คือ บุคคลตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งอายุไม่เกิดสิบแปดปี ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
        เด็กเร่ร่อน คือ เด็กที่ไม่มีผู้ปกครองคอยดูแล เลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดไม่ได้รับการศึกษาไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่งเด็กเหล่านี้จะมีนิสัยก้าวร้าวเกเร
           เด็กกำพร้า คือ เด็กที่บิดาหรือมารดาเสียชีวิต หรือไม่ทราบว่าเป็นบุตรของใคร
           เด็กที่อยู่ในสภาพลำบาก คือ เด็กที่อยู่ในครอบครัวยากจนหรือบิดามารดาหย่าร้าง ทิ้งร้าง ถูกคุมขัง หรือแยกกันอยู่และได้รับความลำบาก หรือเด็กที่ต้องรับภาระหน้าที่ในครอบครัวเกินวัยหรือกำลังความสามารถและสติปัญญา หรือเด็กที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
           เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด ทารุณกรรม คือ เด็กที่ประพฤติตนไม่สมควร เด็กที่
ประกอบอาชีพหรือคบหาสมาคมกับบุคคลที่น่าจะชักนำไปในทางกระทำผิดกฎหมายหรือขัดต่อศีลธรรมอันดี หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมหรือสถานที่อันอาจชักนำไปในทางเสียหาย
           



    






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น